เนื้อหาสาระในบล็อกนี้เป็นเพียงการศึกษาในรายวิชา อินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน ไม่มีเจตนาละเมิดลิขสิทธิ์เจ้าของเว็บไซต์แต่อย่างใด หากมีการล่วงละเมิดโดยมิได้ตั้งใจ ขออภัยเจ้าของเว็บไซต์ไว้ ณ ที่นี้

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

ตั้งแต่เล็กจนโตมา ยี่สืบกว่าปี ก็มีคนชื่นชมและวิจารณ์กับแก้มใหญ่ๆกลมๆของตัวเอง บางครั้งก็รู้สึกดี บางครั้งก็รู้สึกเซไปกับน้ำลายคนอื่นบ่อยครั้ง .. เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีจิตวิทยาในการพูด อย่างเช่น คำว่า ” หน้าอืด หน้าบวม หน้าบาน แก้มใหญ่ แก้มบวม ” …….. คนพูดสนุก แต่คนฟังไม่ได้รู้สึกด้วย เป็นความหลังที่ใส่ลิ้นชักไปแล้ว
เพราะเวลาโตขึ้น ความคิดของคนเราก็จะเปลี่ยนไป
ใจเย็นลง คิดเยอะขึ้น รู้ว่าอะไรควรใส่ใจ อะไรควรปล่อยวาง :)
สมัยก่อนรู้จักคำว่าศัลยกรรม ก็คืออะไรที่เกี่ยวกับ มีด การเย็บ การผ่าตัด อะไรที่น่ากลัว อะไรที่ต้องใช้เงินมากมาย เด็กอยู่จึงรู้สึกว่ามันห่างไกลมาก


สมัยนี้ต้องยอมรับว่ามนุษย์มีความสามารถที่น่าทึ่งหลายอย่างในการสร้างเทคโนโลยีทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น เร็วขึ้น สบายขึ้น จ่ายน้อยลง เห็นผลเร็วขึ้น ที่สำคัญเทคโนโลยีการแพทย์ทำให้คนเราเจ็บตัวน้อยลง แผลเล็กลง พักฟื้นไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถกลับบ้านได้ แต่สิ่งหนึ่งที่คนเราควรเรียนรู้ไปพร้อมๆกับมันก็คือ ” การศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียดก่อนที่จะทำอะไรลงไป ” โดยเฉพาะในโลกยุคที่ไม่มีพรมแดนในการหาความรู้ ในเรื่องที่มันอยากเกินตัวเอง ก็อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น อย่าเชื่อใครจนหมดใจ จนกว่าจะได้รู้ข้อมูลมามากพอนะคะ ขอให้ทุกคนโชคดีในเรื่องการตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

สำหรับวันนี้ในการ REVIEW ก็เป็นเรื่องที่เอิ๊กไม่คุ้นเคย ไม่ถนัด และไกลตัวมาก อย่างการฉีดสาร BOTULINUM TOXIN ซึ่งจริงๆมันก็คือสิ่งแปลกปลอมเข้าภายในอวัยวะของร่างกายตนเอง ก่อนที่เอิ๊กจะตัดสินใจฉีด อาจจะหาข้อมูลมาได้เพียงด้านเดียวคือ BOTULINUM TOXIN TYPE A เอาไว้ทำอะไร สั้นๆมันก็คือ สารสกัดโปรตีนบริสุทธิ์จากเชื้อแบคทีเรีย ที่จะมีระยะเวลาสลายไปตามกาลเวลา ไม่ใช่ว่าจะไม่มีพิษเลยแต่เราต้องใช้ในปริมาณหลายร้อยขวดถึงจะเกิดอันตราย ในความเป็นจริงด้านความงามเราใช้ไม่เกิน 2 ขวดอย่างมาก 1 ขวดก็เสร็จสิ้นแล้ว กับการสร้างความมั่นใจให้กับใบหน้า ไม่ว่าจะลดริ้วรอยอันไม่พึงประสงค์ ลดขนาดอวัยวะให้มันเล็กลง ลดขนาดกล้ามเนื้อแนวขากรรไกร
สิ่งสำคัญมากที่สุด อีกเรื่องคือการเลือกแพทย์ ดีนะที่มันเป็นเรื่องชั่วคราว ไม่ใช่เรื่องถาวรไม่งั้นคงต้องน้ำตาตกใน

วิธีการฉีดสาร BOTULINUM TOXIN เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อแนวขากรรไกร (หน้าเรียว) ก็คงแล้วแต่เทคนิคของแพทย์แต่ละท่าน ส่วนมากก็จะฉีดบริเวณแนวขากรรไกร ซึ่งสารพวกนี้นับเป็น UNIT จะฉีดกี่ UNIT คุณหมอจะเป็นคนพิจารณาเอง การเลือกยี่ห้อสารชนิดนี้ก็แล้วแต่งบดุลในกระเป๋าตังค์เราด้วย เพราะยี่ห้อต่าง ราคาก็ต่าง ที่ฮิตในไทย คงมี 3 ยี่ห้อใหญ่ซึ่งผ่านอย.และอยู่มายาวนานตั้งแต่ 4 – 10 ปีขึ้นไป ได้แก่ BOTOX (USA) / DYSPORT (EUROPE) / NEURONOX (KOREA)
ก่อนฉีด
รอบแรกที่เอิ๊กฉีดเป็นของ BOTOX จำนวน 50 UNIT ผลที่ได้เห็นผลชัดภายใน 3 สัปดาห์ (ซึ่งจำนวนUNIT&การเห็นผลแต่ละคนต่างกันมากนะคะ)
หลังฉีด ผ่านมา 1 เดือนกว่า แก้มหายไปเลยทั้งที่ไม่ได้ไปทำอะไรกับแก้ม เป็นผลพลอยได้ที่ปรารถนามาก แต่มุมปากตกข้างนึง รอยยิ้มแปลก ดูแหย ทั้งที่ยิ้มปกติเลย รู้สึกขาดความมั่นใจไปหลายเดือนมาก
หลังฉีด ผ่านมา 5 เดือนกว่า ใบหน้าเริ่มกลับมาปกติสำหรับรอยยิ้ม แต่หน้าไม่ได้มีขนาดเท่าแต่แรก

จนกระทั่งครบ 6 เดือนเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่บอกว่า BOTULINUM TOXIN สลาย จึงไปจัดมาครั้งที่ 2 คราวนี้ได้คุณหมอที่หาข้อมูลมาอย่างดีฉีด คุณหมอแนะนำให้ใช้ของเกาหลี หรือ NEURONOX โดยให้เหตุผลในการฉีดว่ามีปัญหาเรื่องมุมปากตก ของเกาหลีจะมีขนาดโมเลกุลจะเล็กกว่า BOTOX (USA) การกระจายตัวน้อยกว่าจะได้ไม่ไปกระทบกับผลข้างเคียงเดิมคือมุมปากไม่เท่า และผลคือ ไม่มีผลกระทบใดเกิดขึ้นรอยยิ้มกลับคืนสู่ความเป็นธรรมชาติ
UNCOOL NEURONOX ที่พบซึ่งคุณหมอบอกว่าอาจจะเห็นผลช้าประมาณ 2 เดือน ตอนนี้ผ่านมา 3 อาทิตย์กว่าไม่รู้สึกว่ามันเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดเหมือนครั้งแรกเดี๋ยวครบ 2 เดือนจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้งนะคะ
COOL ไม่ปวดเวลาเคี้ยวเนื้อแข็งๆ ของแข็ง ปกติเมื่อก่อนเมื่อยมากทรมานมาก บางครั้งหัวเราะมากๆก็เมื่อยขากรรไกร ตอนนี้ไม่เป็น มีความปกติสุข
ส่วนความหวังอยากให้มันเล็กลงเยอะๆ รอบนี้ลุยไป 60 UNIX แต่คุณหมอเก่งมาก ใบหน้าดูสมดุลสมส่วนมาก เทียบกับที่ผ่านมา รอบหน้าคงไม่เปลี่ยนแพทย์แล้วค่ะ ราคาไม่แน่ใจที่อื่นเป็นยังไง ที่นี่ 50 UNIT อยู่ที่ 8,000 บาท ของเอิ๊กก็เพิ่มเงินนิดหน่อย เอิ๊กฉีด โบท็อคและฟิลเลอร์ที่เดี่ยวกันนะคะ ฉีดที่ ISKY CENTER กับคุณหมอรังสิมา

การดูแลหลังการฉีด (หาข้อมูลมาจากบทความทางการแพทย์หลายๆเว็บไซด์)
1. ห้ามโดนความร้อน อบไอน้ำ
2. ห้ามทำเลเซอร์ นวดหน้า ขัดหน้า ทรีทเมนท์ภายใน 2 สัปดาห์แรก
3. ห้ามดื่มแอลกอฮอล์เพราะอาจสลายฤทธิ์ยา
4. ห้ามนอนราบภายใน 4 ชั่วโมงหลังทำ
5.ห้ามเคี้ยวหมากฝรั่ง เนื้อแข็งๆ (จะช่วยยืดระยะเวลาตัวยาออกไปให้อยู่นานขึ้น)
อาจมีอย่างอื่นอีกมั๊งไม่แน่ใจ แต่ตามนี้เราปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด :)

ขอให้ใบหน้าสวยใส จงเป็นของทุกคนค่ะ :D แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้า
ได้รับเกียรติให้สัมภาษณ์เจ้าพ่อรักษาแผลเป็นของเมืองไทย
” ศาสตราจารย์นายแพทย์ วรพงษ์ มนัสเกียรติ “
มือหนึ่งศูนย์เลเซอร์ผิวหนังแห่งศิริราช
- มาพูดถึงแผลหลุมสิว
- วิธีการแก้ไข
- เลเซอร์ที่ใช้แก้ไขหลุมสิว
- การดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์
- ประวัติส่วนตัว
- เคล็ดลับดูแลตัวเองให้อ่อนเยาว์
- ข้อคิดสำหรับคนเป็นสิวและแผลเป็น
- etc. (แสดงข้อมูลน้อยลง)
ขอกราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ

ประสบการณ์ในการทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอิ๊กจาก NO.7
ขอบพระคุณ BOOTS ประเทศไทยมาก ที่เลือกเป็นตัวแทนจากประเทศไทย

เพื่อไปแชร์ BEAUTY SECRET ของไทยให้ BEAUTY BLOGGER อีก 6 ประเทศได้รู้จัก
และ เดินทางเข้าร่วมใช้ชีวิตและกิจกรรมของ BOOTS & NO.7 
ตั้งแต่วันที่ 8-12 กันยายน 2013 ที่ผ่านมา
เอิ๊กเพิ่งถึงไทยวันที่13ช่วงเย็นน็อคยาวเพราะทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำของทุกวัน และ รู้แน่นอน
ว่าจะส่งบล็อคนี้เข้าประกวด กับ BEAUTY SECRET เคล็ดลับความงามของแต่ละประเทศ
กิจกรรมทุกวันจะเป็นการแชร์ประสบการณ์ผ่าน SOCIAL MEDIA ที่ BEAUTY BLOGGER
แต่ละคนมีด้วย #SHARETHEFEELING

บล็อคนี้เป็นบล็อคที่เอิ๊กจัดทำขึ้นมาเองไม่ได้มีการว่าจ้าง เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นมุมมองที่
ถ่ายทอดให้คนไทยได้เรียนรู้ว่าแต่ละชาติ เขามีความสวยความงาม ที่เป็นเคล็ดลับอะไรของ
ประเทศที่สวยงามของเขาบ้าง บอกตรงๆเอิ๊กเครียดมากกกกกกกกกจะเอาอะไรไปสู้ดี
ต้องขอบคุณแฟนเพจ erk-erk.com เป็นอย่างมากค่ะ
สำหรับคำแนะนำเกือบ 300 ความคิดเห็น
 
เจ้าภาพการเดินทาง ที่พัก อาหาร ยานพาหนะ BOOTS RETAILS INTERNATIONAL
& BOOTS THAILAND เป็นคนจัดการต้องขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ
ห้อง PRESENT จะมีลูกค้าจาก BOOTS / NO.7 / AGENCY
จากอังกฤษเข้าร่วมฟัง และ มีการบันทึกเป็นวีดีโอ คงต้องรอเขาตัดอีกที
จำได้ว่าวันนั้นพวกเราดูงานต้องตื่นตี 5 ไปโรงงาน BOOTS UK ไปฐานทัพกำเนิด NO.7
เช้าๆ บ่ายๆ ยังเริงร่า แล้วก็เดินๆจนเหนื่อยมาก ขาไปกลับนั่งรถไฟ ร่วม 2-3 ชั่วโมง
ตกดึกเราต้องมาเริ่ม PRESENT เอิ๊กแบบจะสลบแล้ว แบบให้เวลามาเตรียมตัว 30 นาที
แบบลงไปนอนตายที่เตียงแล้ว …… พี่ที่เป็นล่ามส่วนตัวก็มาบอกว่าจะมีคนใหญ่สำคัญ
มาฟัง PRESENT ด้วย เท่านั้นละพี่น้อง กระเด้งตัวขึ้นเติมปาก เติมตาเล็กน้อย
ทำผมลอน และ ถอดสูทออกเหลือ แต่ชุดลุค BUSINESS WOMAN
จั๊มสูทปักเพชรตรงรอบคอ และ แขนยาว ขายาว เป็นตัวแทนคนไทยต้องสง่า
ต้องดูเรียบร้อย และ ดู PROFESSIONAL ด้วยความมั่นใจกับข้อมูลที่ทั้งทดสอบ
ทั้งอ่าน ทั้งจากคนขาย หรือ คนรอบตัว หรือ กระทั่งผู้บริโภคอย่างตัวเราเอง
เอิ๊กนอนน้อยมาก 3 ชั่วโมง แต่ THE SHOW MUST GO ON
เอาละมาเริ่มที่ประเทศแรก 
” DEBBIE ” Deborah Zwiers
BEAUTY BLOGGER ประเทศ NATHERLANDS
Blog : http://www.beautyscene.nl/
Twitter: @mrsbeautyscene
Instagram: mrsbeautyscene 
เธอมากับ ” เบียร์ ”
เธอบอกว่าประเทศเธอ HIT มากนำเบียร์มาหมักผม เพราะทำให้ผมนุ่มมาก มีน้ำหนัก
และเบียร์ยี่ห้อนี้ของประเทศเธอไม่มีกลิ่นเหม็น บางครั้งหมักเบียร์ 30 นาที 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
แล้วไปตากแดดสีผมของเธอจะออกแดงขึ้น หรือ สีผมอ่อนลงด้วย
รวมถึงทาตัวก่อนไปอาบแดดจะได้ผิวสีแทนสวย
MELING LAM
BEAUTY BLOGGER ประเทศ HONGKONG
Blog : www.apple113.blogspot.com
Twitter: @apple113
Instagram: apple113
เธอมากับ ” ไข่มุข ”
สาวมีเล๊ง เป็นคนที่อยากให้ทุกคนจับตามองไว้ให้ดีดี เก่งเรื่องผิวพรรณมากเธอบอกว่า
ผิวพรรณเธอดีเป็นเพราะกรรมพันธุ์ส่วนนึง แต่อีกส่วนนึงก็เกิดจากการดูแลตัวเองของเธอ
39 ปีแล้วนะครับพี่น้อง หน้าเด็กยังกับ 24 ปี ไม่เคยศัลยกรรม เธอบอกว่าแต่ก่อนผิวเธอ
แพ้ง่าย มีคนแนะนำให้เธอใช้ไข่มุข ซึ่งปกติไข่มุขดังมากอยู่แล้ว เธอทานวันละ 1
แคปซูลเล็ก เธอบอกว่าทานมากไปก็ไม่ดี ช่วยให้ผิวเธอที่แพ้ง่ายกลับมาแข็งแรง
ทำให้ผิวเธอขาวขึ้นและดูอ่อนเยาว์ ผิวเธอสวยมากเธอ จ๊อดดดดด
MONA KATTAN
BEAUTY BLOGGER ประเทศ DUBAI
Blog : www.hudabeauty.com
Twitter: @advinmonaland
Instagram: advinmonaland 
สาวผิวสวยจากอาหรับคนนี้ไม่มีใครที่ดูไบไม่รู้จักเธอด้วยนามสกุล KATTAN
ถ้าอยู่ในวงการความงามต้องรู้จักเธอแน่นอน เธอมากับเคล็ดลับผิวสวยด้วยการอาบน้ำ
และสครับผิวด้วยส่วนผสมธรรมชาติ ส่วนผสมหาได้ง่ายๆจากในตู้เย็น
ส่วนผสม
นมสด 2 ถ้วยตวง
น้ำผึ้ง 1/3 ถ้วย 
Rose Oil 5 ช้อนโต๊ะ
Argan Oil 4 ช้อนโต๊ะ
กลีบดอกกุหลาบ ถ้ามีไว้โรยในอ่าง
ส่วนผสมด้านบนเมื่อเข้ากันจะทำให้ผิวคุณนุ่ม หากแต่คุณต้องการที่จะทำให้ผิว
หมดปัญหาเซลล์ลูไลท์ ใส่กากกาแฟ หรือ น้ำตาล ซัก 1 ช้อนโต๊ะลงไป
ผิวจะนุ่มเนียน น่าสัมผัสมาก การอาบน้ำอุ่นจะไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไป
ทำสัปดาห์ละครั้ง ผ่อนคลายสุดๆ
LISA STRANNESTEN
FASHION BLOGGER ประเทศ SWEDEN
Blog : http://lisa.chic.se/
Twitter: @lisastrannesten 
Instagram: lisastrannesten
เธอมากับน้ำผึ้ง และ แอสไพริน
หน้าเนียนนุ่มใสด้วยการมาส์คกับส่วนผสมหลักอย่าง แอสไพริน + น้ำผึ้งหลายคนอาจจะ
ทราบว่า แอสไพรินมี SALICYLIC ACID [BHA] เป็นตัวช่วยละลายสิ่งอุดตันจากรูขุมขน
และ น้ำผึ้งลดการอักเสบเพิ่มความอ่อนนุ่ม เหมาะกับคนผิวมัน ทำให้ผิวมันน้อยลง
เธอมาสค์เป็นประจำด้วยสูตรนี้ และ ประเทศเธอนิยมกันมากด้วย
JEN MATHEWS
BEAUTY BLOGGER ประเทศ USA
Blog : www.mybeautybunny.com
Twitter: @mybeautybunny 
Instagram: mybeautybunny 

เธอมากับ ” น้ำมันอโวคาโด “
อเมริกาสิ่งนี้เป็นที่นิยมมาก และ เจนเธอก็ชอบในสิ่งที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
เธอจึงนำเสนอได้ดี บอกทำได้หลายอย่างทั้งหมักผม บำรุงผิว
มีวิตามินหลายชนิดมากตั้งแต่ A B1 B2 D E B5 กรดอะมิโน และ อีกมากมาย
ทำให้ผิวชุ่มชื่น ลดเลือนริ้วรอย ปลอมประโลมดูแลผิวคล้ำเสียจากแดด
ได้รับการยกย่องจากอเมริกา ว่าเป็นราชาแห่งผลไม้สรรพคุณเยอะจริงๆ
Erk-Erk
Beauty Blogger ประเทศ Thailand
Blog : www.erk-erk.com
Twitter: @erk_erk
Instagram: wwwerkerkcom

เธอมากับ ” น้ำมันมะพร้าว ” สรรพคุณคล้ายของเจนเลย เพียงแต่น้ำมันมะพร้าวค้นคิดค้น
คือ อินเดีย แต่ประเทศเราเป็นส่วนหนึ่งของเส้นศูนย์สูตร อยู่แถวคาบสมุทรแปซิฟิก มะพร้าวเพียบ
เอาไว้ส่งออก และ ในฐานะที่เอิ๊กเป็นตัวแทนของคนไทย อยากให้คนไทยมุ่งเน้นความชุ่มชื่น
และหันมาสนใจของไทย ที่คุณประโยชน์เหลือเฟือบ้าง เอิ๊ก PRESENT นานมากหาข้อมูลตั้งแต่
เนต ใช้เอง ถามคนรอบตัว ครอบครัวที่ทานเป็นประจำ และ
เจ้าของธุรกิจมะพร้าวอันดับ1 อย่างชาวเกาะ
การนำเสนอของเอิ๊กเป็นที่สนใจกับต่างชาติ เพราะเอิ๊กเห็นว่าหลายคนเหนื่อยง่วงเลย
เริ่มต้นประเด็นว่า ” ในที่นี่มีผู้หญิงคนไหนอยากแก่บ้างไหม?” เท่านั้นเขาก็เริ่มมองกัน
เริ่มสนใจเรา เอิ๊กเป็น BLOGGER ที่น้ำเสนอนานสุด ตั้งแต่หมวด
HEALTHY – ช่วยเรื่องเพิ่มไขมันดีในร่างกาย เบาหวาน โรคหัวใจ คนติดHIVทานมีชีวิตยาวขึ้น
และ อีกมากมาย
BEAUTY – นำมาทาผิว หมักผม ล้างเครื่องสำอาง กลั้วฟันตอนเช้าฆ่าแบคทีเรีย
ทำให้ฟันแข็งแรง และ อีกมากมาย ซึ่งเวลาเราพูดเราก็มีการทดสอบให้ดูเช่น
ปาด เครื่องสำอาง และ ลบให้ดูด้วยน้ำมันมะพร้าว ก่อนที่จะไปถึงหัวข้อสุดท้ายเอิ๊กได้กล่าว
ขอบพระคุณเจ้าของธุรกิจกระทิชาวเกาะ ที่กำลังจะแตกไลน์มาทำน้ำมันมะพร้าว
เขาได้มอบน้ำมันมะพร้าวให้เอิ๊ก 7 ขวด เพื่อมานำเสนอโปรเจคนี้โดยเฉพาะ
แพคเกจทำจำลองขึ้นมา ได้ทีของเอิ๊กก็นำเสนออีกว่า ทุกคนในที่แห่งนี้คือ
” กลุ่มแรกของโลกที่จะได้ลองน้ำมันมะพร้าวชาวเกาะ ” แบรนด์กะทิอันดับ1ของไทย
แพคเกจถูกแพคมาอย่างดี ซีลเรียบร้อย
และ สุดท้ายดูเหมือนคนจะชอบใจ คือ
EROTIC – น้ำมันมะพร้าวดังมากในชื่อของ EROTIC OIL ใช้นวด ใช้ทำให้ผ่อนคลาย
ใช้แทนเจลหล่อลื่นเวลามีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่มีเคมี และ เวลาที่ตกขาวไม่หนักมาก
สามารถนำมาเช็ดด้านในช่องคลอด เพื่อปรับค่ากรด ด่างให้มีค่าสมดุล

 LINE KIRKHUSK
FASHION BLOGGER ประเทศ NORWAY
Blog : http://www.lilisfashion.com/
Twitter: @lilisfashion
Instagram: lilisfashion 
 
เธอมากับครีมบำรุงผิวแบรนด์ SKIN SCIENCE
เป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศนอร์เวย์ หลักช่วยยืดเวลาการเสื่อสภาพของเซลล์ผิว
ประมาณ 25% โดยการสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมา มีแรงบันดาลใจมากจากสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลน้ำลึก
เท่าที่ฟังก็มาจากปลาแซลมอนด้วย และ มี SPERM คือ สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมา
โดยหาได้จากประเทศใกล้เทียบเคียงชายฝั่งอาร์กติด
นักวิทยาศาสตร์ของแบรนด์นี้ให้ความสำคัญกับ 5 ส่วนผสมหลัก
ซึ่งได้มีการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่ามีผลลัพธ์ที่ดีต่อผิวพรรณ
มีความอ่อนโยนป้องการการเกิดการอุดตันของน้ำมันในรู้ขุมขน ผิวจะดูกระจ่างใส
และ สำคัญมีสารต้านอนุมูลอิสระ อาจจะเจ๋งกว่านั้นคือ การสังเคราห์ทำสารสกัดจาก
SPERM ขึ้นมา ช่วยเรื่องปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการใช้ชีวิตประจำวัน
ที่เต็มไปด้วยมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม การดูดซึมของผลิตภัณฑ์ทุกตัว ดูดซึมง่ายมาก

ทั้งหมดนี้ก็เป็น BEAUTY SECRET จาก BLOGGER 7 ประเทศ เท่าที่ลองฟังดูยังไง
ก่อนจะลอง หาข้อมูลให้ดีก่อน สำหรับเหล่าน้ำมันเอิ๊กว่าเราทาภายนอกลองก่อนได้
เหล่าอะไรที่ต้องรับประทาน ดูยี่ห้อ เช็คความปลอดภัยให้ดี รวมถึงอะไรที่ใช้บนหน้า
อยากให้หาข้อมูลเพิ่มเยอะๆก่อนตัดสินใจ แต่ละประเทศก็มีสิ่งที่พิเศษแตกต่างกันไป
แต่ไม่ว่าอย่างไร ก่อนพูดอะไรออกไป ถ้าได้ทดสอบก่อนจะทำให้เรามีความมั่นใจ
ในการนำเสนอ และ บอกถึงข้อดีเสียได้เป็นอย่างดี
ปีนี้เป็นปีที่ 2 ของงาน MARIE CLAIRE BEAUTY AWARDS 2012
กับ 18 รางวัล มอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับคะแนนมากที่สุด
จากคณะกรรมการที่มาจากหลากหลายสาขาในวงการ
และ 4 รางวัล READER CHOICE จากผู้อ่าน ประกาศผลเดือนกรกฎาคม
ปีนี้ทุกคนมีสิทธิ์เป็นผู้ตัดสินด้วย สามารถไปเทสได้ตามเคาท์เตอร์ที่ร่วมรายการจะเป็นแบบนี้
จะมีสแตนให้เห็นแล้วว่า MARIE CLAIRE BEAUTY AWARDS 2012 แปลว่าส่งเข้าประกวด ใช้คู่กับ BEAUTY PASSPORT เพื่อลงคะแนน ได้ลอง ได้เทส ครบ 40 ชิ้น จะได้รับผลิตภัณฑ์ความงามมูลค่า 800-1000 ในไซส์ทดลอง หรือ ไซส์จริง ในถุง GOODIE BAGS
ไปเทสกันได้ที่
25-27 พ.ค 55 ห้างเซน
2-3 มิ.ย 55 ห้างเซนทรัลปิ่นเกล้า
9-10 มิ.ย 55 ห้างเซนทรัลลาดพร้าว
ติดตามรายละเอียดได้ที่ MARIE CLAIRE THAILAND
หน้าตาตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่จะได้เทสกันมีทุกประเภทที่เกี่ยวกับความงามตั้งแต่หัวจรดเท้า
งานไม่ใหญ่แต่คึกคัก และ คับคั่งไปด้วยสื่อมวลชน คนดัง พิธีกรวันนี้เป็นคุณจูนนะคะ และ มีคุณน้ำผู้บริหารขึ้นมากล่าวเปิดงานและวิสัยทัศน์ในการจัดงานครั้งนี้
10 อันดับ อาหารต้านมะเร็ง
                                                                                                                                     

1.       ผัก  - ผักมีกากใยปริมาณมาก  ซึ่งผักที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านมะเร็ง ได้แก่
v   กลุ่มผักมีสี เช่น บีทรูท ผักโขม แครอท มะเขือเทศ  ยิ่งมีสีเข้มมมากเท่าไหร่ นั่นหมายถึงว่ามีสารที่มีประโยชน์ (phytochemical) มากขึ้นเท่านั้น   รงควัตถุเหล่านี้ได้แก่ ไบโอฟลาวินอยด์ 20,000 ชนิด และแคโรทีนอยด์ 800 ชนิด ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องร่างกายและยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในการทำลายเซลล์มะเร็ง
v   กลุ่มกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลี บร็อคโคลี กะหล่ำดอก   ในผักชนิดนี้จะมีสารต้านมะเร็ง  สารที่ช่วยขจัดสารพิษ ตลอดจน อินดอล-3-คาร์บินอลและซัลโฟราเฟน
v   หัวหอม&กระเทียม  ประกอบด้วยไบโอฟลาวินอยด์หลายชนิดด้วยกัน หนึ่งในนั้นได้แก่ เคอร์ซิทิน ซึ่งสามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้  นอกจากนี้ยังมีสารต้านมะเร็งอื่นๆ ได้แก่ อัลลิซิน เอส-อัลลิล ซิสทีอินซีลีเนียม และสารที่เรายังไม่รู้จักอีกมากมาย   ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดี ที่เราจะรับประทานกระเทียมและหัวหอม เป็นประจำ
2.       ปลาน้ำเย็น เช่น แซลมอน คอท แมคเคอเรล  ซาร์ดีน  ทูน่าและปลาจากทะเลน้ำลึก  ในปลา  เหล่านี้จะอุดมไปด้วยไขมันที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ได้แก่ EPA (eicosapentaenoic acid) และ DHA ( docosahexaenoic acid) ซึ่งชะลอการแพร่ของมะเร็ง  กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และยังประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆที่พบในน้ำทะเล แต่ไม่พบในดิน
3.       ถั่ว เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วลิสง ในถั่วเหล่านี้พบว่ามีสารต้านโปรตีเอสในปริมาณสูง(มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง) นอกจากนี้ยังพบว่ามีอินโนซิทอล เฮกซาฟอสเฟต(กรดไฟตริก ซึ่งในท้องตลาด จะขายในรูปของ IP-6)  และจีเนสเตอิน (ทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็งตีบลง)   นอกจากนี้ในถั่วยังอุดมไปด้วยกากใยที่สามารถละลายน้ำได้ ซึ่งจะช่วยในขบวนการทำความสะอาดของร่างกายตามธรรมชาติ
4.       เมล็ดธัญพืช เช่นข้าว โอ๊ต  บาร์เลย์  ข้าวโพด ข้าวสาลี  เนื่องจากเมื่อกากใยของพืชเหล่านี้แตกตัวที่ลำไส้จะเปลี่ยนเป็นกรดบิวไทริกที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง
5.       สาหร่ายทะเล  จะประกอบด้วยสารบางชนิดที่ป้องกันการติดเชื้อในทางเดินอาหาร  และยังประกอบด้วยกากใยชนิดพิเศษที่สามารถละลายน้ำได้ซึ่งจะเป็นตัวกลางในการนำไขมันอันตราย สารอนุมูลอิสระ สารพิษต่างๆออกจากลำไส้     นอกจากนี้สาหร่ายทะเลยังเป็นแหล่งของแร่ธาตุอย่างดีจากน้ำทะเล
6.       เบอร์รี่ เช่น ราสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่  เบอร์รี่สีดำ เพราะในเบอร์รี่จะมีสารต้านมะเร็งในปริมาณสูง และยังมีกรดอัลลาจิกที่จะทำลายเซลล์มะเร็งให้ตาย
7.       โยเกิร์ต  เนื่องจากในโยเกิร์ตจะมีแบคทีเรียชนิดแลคโตบาซิลัส ที่สามารถหมักนมให้เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อทางเดินอาหารและระบบภูมิคุ้มกัน  และเนื่องจากกว่า 80% ของระบบภูมิคุ้มกันจะอยู่ที่ทางเดินอาหาร  ดังนั้นโยเกิร์ตจึงเป็นอาหารที่จัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับร่างกายในการป้องการติดเชื้อและยังช่วยต้านมะเร็งอีกด้วย
8.       ชาเขียว  ประกอบด้วยคาเทชินและสารเคมีในพืชอีกหลายชนิดด้วยกัน  จากงานวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติประเทศญี่ปุ่นและจีน พบว่าชาเขียวสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งและยังสามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้
        หมายเหตุ  การดื่มชาเขียวให้ได้รับประโยชน์เต็มที่นั้น ต้องดื่มทันทีหลังจากชงเสร็จ เนื่องจากถ้าทิ้งไว้ชาเขียวจะทำปฎิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ  ทำให้สูญเสีย   คุณค่าไป
9.       เครื่องเทศ  -มาสตาร์ด  พริก พริกไท  กระเทียม หัวหอม  ขิง โรสแมรี่  อบเชยและเครื่องเทศอื่นๆที่ใช้ปรุงแต่งรส  สามารถต้านมะเร็งและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
10.    น้ำสะอาด  - เป็นเรื่องแปลกที่กว่า 2 ใน 3 ของพื้นที่บนโลกและของร่างกายนั้นประกอบด้วยน้ำ  เนื่องจากน้ำนั้นเป็นเป็นสารตัวกลางสำคัญของร่างกายที่ใช้ในขบวนการต่างๆของเซลล์ อาทิเช่น ควบคุมสมดุลกรด-ด่าง  การทำความสะอาด  การขจัดสิ่งสกปรก  และยังนำพาสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่เซลล์  ตลอดจนนำของเสีย หรือสารพิษออกจากเซลล์อีกด้วย                                                                                                                                                                        

อาหารชั้นเยี่ยม

                        ถึงแม้ว่าอาหารหลากหลายชนิดจะมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย  แต่มีอาหารเพียงไม่กี่อย่างที่จัดว่าเป็น  อาหารชั้นเยี่ยม ซึ่งได้แก่
v   กระเทียม  เป็นเครื่องเทศกลิ่นแรงที่ใช้ประกอบอาหารกันมามากกว่า 5,000 ปี นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนประกอบในสูตรยาฆ่าเชื้ออีกด้วย          หลุยส์  ปาสเตอร์พบว่า กระเทียมสามารถฆ่าเชื้อที่อยู่ในจานเพาะเชื้อได้   และยังพบว่ากระเทียมจะกระตุ้นการทำงานของร่างกายในการป้องกันเซลล์มะเร็ง     อับดุลลาห์ แพทย์ของมหาวิทยาลัยฟลอริดา พบว่าเซลล์เม็ดเลือดขาวของผู้ที่กินกระเทียม สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ดีกว่าเซล์เม็ดเลือดขาวของผู้ไม่กินกระเทียมถึง 139 %   มีการทดลองพบว่าทั้งกระเทียมและหัวหอมสามารถลดการเกิดมะเร็งที่ผิวหนัง  และจากการให้หนูทดลองกินกระเทียม พบว่าในหนูที่มีแนวโน้มว่าทางพันธุกรรมว่าเป็นมะเร็งได้ง่าย จะมีโอกาสเป็นมะเร็งลดลง
มะเร็งที่พบได้บ่อย คือมะเร็งกระเพาะอาหาร  ซึ่งนักวิจัยชาวจีน พบว่าการบริโภคกระเทียมและหัวหอมในปริมาณสูงๆ สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่กระเพาะลงได้ครึ่งหนึ่ง  นอกจากนี้กระเทียมยังทำให้ตับสามารถทนต่อสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้มากขึ้นด้วย  และด้วยกลไกการออกฤทธิ์ของกระเทียมที่จะทำลายเฉพาะเซลล์มะเร็ง แต่ไม่ทำลายเซลล์ปกติ ดังนั้นจึงสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย
v   แคโรทีนอย  -ทั้งแคโรทีนอยและไบโอฟลาวินอยในพืช จัดว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และยังกระตุ้นการทำงาของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย  โดยที่หน้าที่หลักของแคโรทีนอย คือจะเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง  แคโรทีนอยจะพบทั้งในผัก-ผลไม้สีเขียวและสีส้ม   ส่วนไบโอฟลาวินอยจะพบในพวกผลไม้รสเปรี้ยว ธัญพืช น้ำผึ้ง
v   พวกหัวกะหล่ำ  -ได้แก่  บร็อคโคลี,  กะหล่ำปลี,  กะหล่ำปลีbrussel,  ดอกกะหล่ำ ซึ่งพืชเหล่านี้จะมีส่วนหัวอยู่ติดกับพื้นดิน  เนื่องจากในพืชชนิดนี้จะมีสารอินโดล ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง  นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอบกิ้นส์ พบว่าในสัตว์ทดลองที่เลี้ยงด้วยพืชประเภทนี้ เมื่อได้สารก่อมะเร็งชนิดอัลฟาทอกซินนั้นโอกาสเกิดมะเร็งลดลงถึง 90 %
v    เห็ด   นักวิทยาศาสตร์พบว่าเห็ดไรชิ ,เห็ดชิตาเกะ ,เห็ดไมตาเกะ มีสารต้านมะเร็งในปริมาณสูง  มีการทดลองให้สัตว์กินสารสกัดจากเห็ดไมตาเกะ  พบว่า 40%ของสัตว์ทั้งหมดสามารถกำจัดมะเร็งได้หมดสิ้น  ส่วนอีกสัตว์อีก60%นั้นสามารถกำจัดมะเร็งได้ถึง 90%    ในเห็ดไมตาเกะ ประกอบด้วยโพลีแซคคาไลท์ ที่ชื่อว่า เบต้า-กลูแคน ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและช่วยลดความดันเลือด
v    ถั่ว  - บรรดาเมล็ดพืชทั้งหลายที่มีเปลือก จะมีสารโปรตีเอสอินฮิบิเตอร์ทำให้ร่างกายของเราไม่สามารถย่อยเมล็ดเหล่านั้นได้โดยตรง  จาการค้นพบที่ผ่านมาพบว่าสารโปรตีเอสอินฮิบิเตอร์ สามารถยับยั้งการโตของเซลล์มะเร็งได้   สถาบันมะเร็งนานาชาติ พบว่าในอาหารประเภทถั่วนั้นประกอบด้วยสารไอโซฟลาโวนและสารไฟโตเอสโตรเจนที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี   และจากงานวิจัยของDr. Ann Kennedy พบว่าในถั่วมีคุณสมบัติดังนี้
·        ป้องกันการเกิดมะเร็งในสัตว์ที่ได้สารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
·        ในงานวิจัยบางงานพบว่า สามารถทำให้เซลล์มะเร็งโตช้าลง
·        ลดผลข้างเคียงของการใช้ยาและรังสีเพื่อการรักษามะเร็ง
·        สามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้
นอกจากนี้ยังมีอาหารอีกหลายชนิดที่สามารถยับยั้งการแพร่ของมะเร็งได้  อาทิเช่น แอปเปิ้ล  แอพริคอท  บาร์เล่ย์  ผลไม้รสเปรี้ยว  แครนเบอร์รี่  ปลา   น้ำมันปลา  ขิง  โสม  ชาเขียว  ผักโขม  สาหร่ายทะเล