7 อาหารบำรุงสมอง

                                               7 อาหารบำรุงสมอง


ที่มา   7 อาหารบำรุงสมอง - หน้าแรก - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

อาหารบำรุงสายตา

                       อาหารบํารุงสายตา

ดวงตาคืออวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกาย อย่าปล่อยให้ดวงตาเสื่อมสภาพไปก่อนวัย จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของโลกเราไปนานๆนะคะ งั้นเรามากินอาหารบํารุงสายตากันดีกว่าคะ

บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ดีต่อสายตามากๆและหาซื้อได้ไม่ยากเลย แค่ซื้อแยมบลูเบอร์รี่มาทาขนมปังทาน คุณก็จะได้รับสารอาหารแอนโธไซยาโนไซด์ ซึ่งช่วยบำรุงสายตาแล้ว
อย่ามองข้ามมันเทศ ของดีราคาย่อมเยาที่พ่อค้าเขาเดินขาย วิตามินในมันเทศจะช่วยปรับสายตาของคุณให้เห็นได้ชัดในที่มืด

เวลาทำกับข้าวอย่าลืมใส่หัวหอมแดงลงไปด้วย เพื่อให้สารต้านอนุมูลอิสระเคอร์ซิทินในหอมแดงจะช่วยป้องกันต้อหินให้คุณ
กินปลาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดโอเมก้า-3 ที่จำเป็นสำหรับบำรุงสายตา

 กินผักใบเขียวเป็นประจำทุกวัน ผักใบเขียวเป็นแหล่งรวมของสารลูเทอินและซีอาแซนธินที่ช่วยลดความเสี่ยงโรค ต้อกระจกและยิ่งซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในกระบอกตาได้ด้วย (คนที่เกลียดผักคงต้องพยายามหน่อยน่ะ) ผักบีตสดๆเป็นของขวัญชั้นดีที่จะมอบให้ดวงตาของตัวเองได้ ผักชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องหลอดเลือดในกระบอกตา ทำให้ตาคุณมีเลือดไปเลี้ยงอย่างสมบูรณ์ ทำให้ตาคุณสวยและใส

 กินผักโขมสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผักชนิดนี้มีสารลูเทอิน ซึ่งจะช่วยป้องกันต้อกระจกและภาวะศูนย์กลางประสาท



 ส้ม มะเขือเทศ และพริกหวานนั้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก อีกทั้งช่วยในการไหลเวียนเลือดในดวงตา

 กะหล่ำปลีชนิดสีเขียวเข้ม ผักขม หัวผักกาดเขียวและบล็อคโครี่นั้น มีคุณประโยชน์ คือให้วิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตาให้มีประกายที่สดใส มีเบต้าแคโรทีน

 ถั่วสีน้ำตาลแดง นั้นเพรียบพร้อมไปด้วยสังกะสีที่ดีต่อสายตา อีกทั้งวิตามินเอก็เป็นส่วนช่วยปกป้องเยื่อชั้นในของลูกตา

 อัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวันและเฮเซิลนัต อุดมไปด้วยวิตามินอี และมีคุณประโยชน์มากมายในการช่วยป้องกันสายตา วิตามินอีเป็นที่รู้จักกันว่า เป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ให้ผลในการป้องกันการทำลายของเซลล์ และยังช่วยในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ ที่อวัยวะต่างๆ เช่น เซลล์ของตา ตับ เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานและอายุการใช้งานของอวัยวะเหล่านี้นานขึ้น

ความหมายของกุหลาบแต่ละสีและจำนวนดอกกุหลาบ

         ความหมายของกุหลาบแต่ละสีและจำนวนดอกกุหลาบ
           ความหมายของดอกกุหลาบแต่ละสี



"ดอกกุหลาบสีแดง" 
ไม่ว่าจะเป็นดอกกุหลาบ สีแดงอ่อน หรือสีแดงสด บ่งบอกถึงการตกหลุมรักหรือแอบปลื้มใครซักคน เป็นสื่อแทนใจเพื่อจะบอกให้รู้ว่ามีคนกำลัง แอบปลื้มอยู่ ส่วนดอกกุหลาบสีแดงเข้ม ถ้ามีใครให้ดอกกุหลาบสีแดง รู้ไว้เลย นะว่าเค้าคนนั้น มีความรักที่สุดแสน จะลึกซึ้ง  มั่นคง และแน่นนปึก เรียกได้ว่าความรักนั้น ไม่มีวันจืดจางไป จากหัวใจ

"ดอกกุหลาบสีขาว"
เป็นสีแห่งความรักที่ใสสะอาด บริสุทธิ์น่าทนุถนอมโดยไม่คิด เลยว่าความรักที่มอบให้ไปนั้น จะได้ความรักตอบกลับมาหรือเปล่า 


"ดอกกุหลาบสีชมพู"
เป็นความโรแมนติกที่แสดงถึงความรักที่หวานซึ้งที่ผู้ให้มีต่อผู้รับ แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจ เพราะว่ามันไม่ได้เป็นความรักที่ลึกซึ้ง
แค่เป็นเพียงรักที่ฉาบฉวยต้องการเปลี่ยนแปลงเพื่อแสวงหาสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเท่านั้นเอง


"ดอกกุหลาบสีส้ม" 
สื่อให้เห็นถึงความสดใส ความเป็นตัวของตัวเอง ของผู้รับ เมื่ออยู่ใกล้แล้วทำให้รู้สึกอบอุ่น และยัง
บ่งบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมาด้วย

"ดอกกุหลาบสีเหลือง"
เป็นตัวแทนแห่งมิตรภาพ และยังสื่อถึงความห่วงใยของผู้ให้ด้วย หลายคนเชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่ใช้สำหรับเยี่ยมคนป่วย แต่จริงๆแล้วก็สามารถให้กับเพื่อนๆ เนื่องในโอกาสพิเศษได้เช่นกัน


"ดอกกุหลาบสีฟ้า"
เชื่อว่าเป็นดอกไม้ แห่งความอดทน แข็งแกร่ง ดอกไม้แห่งความฝันที่สวยงาม และมั่นคงตลอดกาล


"ดอกกุหลาบสีม่วง"
บางคนคงคิดว่ามันเป็นดอกกุหลาบที่สื่อถึงความเศร้า นั่นก็เป็นอีกความหมายนึง แต่ถ้ามองในแง่ของความสุข กุหลาบสีม่วงยังสื่อให้เห็นถึงความสำเร็จในชีวิต การงานได้อีกด้วย


"ดอกกุหลาบสีดำ"
ความหมายของกุหลาบดำ แต่อาจจะลืมไปแล้ว จนมาถึงวันนี้ได้รื้อฟื้นความหมายอีกครั้ง หลายคนคงให้สีดำแทนความเสียใจ โศกเศร้า 
แต่ความหมายของกุหลาบสีดำว่าแท้จริงแล้ว ความหมายที่ลึกล้ำ เจ้ากุหลาบดำ นั่นคือ..นิรันดร์ ดังนั้นดอกกุหลาบดำที่หมายถึงรักนิรันดร์ และมันไม่เคยมีจริง
จำนวนดอกกุหลาบ และ ความหมาย ที่แสนจะโรแมนติค
1 = เธอเป็นหนึ่งเดียวของฉันเท่านั้น
2 = มีเพียงเธอ กับ ฉัน
3 = ฉันรักเธอ
5 = การให้ที่ไม่มีอะไรต้องเสียใจ
7 = เราจะพบกับเรื่องมงคล
8 = ชดเชยวันเวลาที่ขาดหายไป
9 = อยู่ด้วยกันให้ยืนยาวและมั่นคง
11 = รักเธอที่สุด
12 = ฉันรักเธอ เธอก็รักฉัน เรารักกัน
24 = ฉันคิดถึงเธอตลอดเวลา
33 = รักกัน 3 ชาติ
50 = ความรักที่ยืนยาวชั่วนิรันดร
66 = ความรักของเรา เหมือนสายน้ำไม่เคยหยุดนิ่ง
100 = เราจะถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรด้วยกัน
101 = รักเรายืนยาวชั่วนิรันดร
108 = ความรักของฉันจะไม่มีที่สิ้นสุด
365 = ฉันคิดถึงเธอทุก-ทุกวัน
999 = รักเธอชั่วฟ้าดินสลาย
1,009 = ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นเธอ
9,999 = แทนความจริงใจทั้งหมดที่ฉันมีให้เธอจากนี้และตลอดไป
10,000 = รักเธอเป็นหมื่น-หมื่นปี

ที่มา : 

http://www.dek-d.com/board/view/1643073/

วิธีเลือกผลิตภัณฑ์กันแดด ให้เหมาะกับสภาพผิว      การจะใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดให้ได้ผลสูงสุดนอกจากจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่ดีมีคุณภาพ แล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลย คือการเลือก ผลิตภัณฑ์กันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวของเรานั่นเอง       สาวผิวแห้ง :: ควรเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดเป็นชนิดครีมหรือโลชั่น ที่มีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และควรหลีก เลี่ยงผลิตภัณฑ์กันแดดชนิดสเปรย์หรือเจล รวมถึง ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ด้วยค่ะ สาวผิวมัน :: ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือสูตรช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เพราะจะทำให้ผิวของสาวๆ ยิ่งมันมากขึ้น สาวผิวมันเหมาะกับผลิตภัณฑ์แบบเจล มากกว่าค่ะ สาวผิวมัน :: ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือสูตรช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เพราะจะทำให้ผิวของสาวๆ ยิ่งมันมากขึ้น สาวผิวมันเหมาะกับผลิตภัณฑ์แบบเจล มากกว่าค่ะ   สาวผิวแพ้ง่าย ::  สาวๆ ที่มีผิวแพ้ง่ายควรเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอลล์ สาวๆ ผิวแพ้ง่ายแบบนี้เวลาเริ่มทดลองใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดตัวใหม่ๆ อาจจะต้องระวังซักนิดนึงนะคะ : )

ตามติด. . .ความคิดนักออกแบบ
  “โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรคะ” เป็นคำถามที่เรามักถามเด็กๆอยู่เสมอ บ้างว่าอยากเป็นหมอ พยาบาล คุณครู ทหาร หรือนักร้อง จะมีสักกี่คนที่อยากจะเป็น “นักออกแบบ” หรือ “สถาปนิก” ผู้สรรค์สร้างอาคารบ้านเรือนและอยู่เบื้องหลังการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ เด็กๆเหล่านั้นอาจไม่เคยรู้ว่านักออกแบบหรือสถาปนิกทำงานกันอย่างไร หรือแม้แต่บรรดาผู้ใหญ่อย่างเราก็ยังไม่รู้ว่าผลงานการออกแบบที่ดูผ่านๆแล้วเห็นว่าสวยดี จะมีเบื้องหลังการทำงานที่เหนื่อยยากแค่ไหน กระบวนการทางความคิดมีที่มาจากสิ่งใด คอลัมน์ “สถาปัตยกรรม” ฉบับนี้ ขอนำคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับเหล่าสถาปนิก รวมไปถึงนักออกแบบซึ่งมีผลงานเป็นที่รู้จักของคนในวงกว้าง ลองไปดูกันว่าพวกเขาทำงานกันอย่างไร 



 บริษัทสถาปนิก 49 จำกัด หรือ “ A49 ” เป็นบริษัทออกแบบซึ่งบรรดาสถาปนิกและนักออกแบบรู้จักกันเป็นอย่างดี มีผลงานการออกแบบอาคารทั้งบ้านพักอาศัยและอาคารสาธารณะทั้งในประเทศและต่างประเทศมาเกือบ 30 ปี ตอนนี้เพิ่งเปิดตัวบริษัทลูกที่มีชื่อว่า บริษัทสถาปนิก 49 เฮ้าส์ดีไซน์ จำกัด เพื่อเน้นการออกแบบสถาปัตยกรรมประเภทบ้านพักอาศัยโดยเฉพาะ ทีมสถาปนิกจากบริษัทสถาปนิก 49 เฮ้าส์ดีไซน์ จำกัด เล่าให้ทีมงาน “บ้านและสวน”

กระบวนการการออกแบบจะเริ่มต้นจากการพูดคุยเพื่อให้เข้าใจความต้องการของเจ้าของบ้านอย่างครบถ้วน ทั้งในเรื่องของขนาดพื้นที่ จำนวนห้อง การเชื่อมโยงฟังก์ชัน สไตล์การตกแต่ง รวมไปถึงฟังก์ชันพิเศษบางอย่าง อาจมีการสื่อสารกันด้วยภาษาภาพเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน สถาปนิกเองจะมีการคิดคอนเซ็ปต์โดยรวม นำเสนอ Mood & Tone และลักษณะของการใช้วัสดุประกอบกันเข้าไปด้วย เจ้าของบ้านและสถาปนิกจะช่วยกันปรับแก้และพัฒนาแบบจนกระทั่งลงตัวพอใจกันทั้งสองฝ่ายและนำไปสู่การก่อสร้างจริง  หลายครั้งที่เรามักได้ยินนักออกแบบพูดถึงคอนเซ็ปต์หรือ “แนวคิดการออกแบบ” ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการได้รับแรงบันดาลใจจากบางสิ่งบางอย่าง แล้วนำมาปรับใช้ในการออกแบบอาคารให้มีรูปทรงต่างกัน นักออกแบบแต่ละคนจะมีกระบวนการการคิดคอนเซ็ปต์ที่มักไม่ซ้ำกัน 


 คุณวรรณพร พรประภา คุณเรวรี นพเกตุ และคุณเบญจพร ตะพานวงศ์ จากบริษัท P Landscape จำกัด เล่าถึงกระบวนการการคิดคอนเซ็ปต์ของอาคารพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (Museum of Contemporary Art - MOCA) ซึ่งร่วมกับ PAA Studio และ PIA Interior Company Limited โดยเริ่มต้นจากการพูดคุยรายละเอียดกับเจ้าของโครงการและผู้เกี่ยวข้องจนได้ข้อมูลมากพอ เพื่อให้มองเห็นภาพที่ชัดเจนร่วมกัน 

 พวกเราจึงออกแบบตัวอาคารเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่สีเรียบนิ่งเสมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่บรรจงแกะสลักเป็นลายก้านมะลิลงไปบนตัวอาคาร เพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ลายนี้ยังทำหน้าที่เป็นช่องแสง นำแสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวอาคาร โดยหลังจากที่เราได้แนวคิดหลักซึ่งเป็นหัวใจแล้ว พวกเราจึงออกแบบรายละเอียดทุกส่วนของอาคารให้สอดคล้องกับแนวคิดนี้ 
 การทำงานของสถาปนิกหรือนักออกแบบอาจไม่ได้นั่งอยู่ในออฟฟิศอย่างที่เราเข้าใจแต่เพียงอย่างเดียว เพราะก่อนการเริ่มต้นออกแบบ การลงพื้นที่เก็บข้อมูลที่ถูกต้องอย่างรอบด้าน วิเคราะห์และทดลองครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเลือกแนวทางการแก้ปัญหาและออกแบบที่เหมาะสม ถือเป็นหน้าที่ที่ท้าทาย โดยยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกว่า “สถาปนิกชุมชน” ซึ่งเน้นการทำงานในสเกลชุมชนมากกว่าตัวสถาปัตยกรรมเพียงอย่างเดียว ซึ่งต้องใช้ทักษะในการรวบรวมข้อมูลเป็นอย่างมาก 

 คุณพลอย - กษมา แย้มตรี และทีมสถาปนิกชุมชนจาก OPENSPACE เล่าประสบการณ์และความประทับใจในการทำงานสถาปนิกชุมชนให้เราฟังว่า “พวกเราเคยร่วมงานกับ สสพ. หรือสำนักงานส่งเสริมสุขภาพคนพิการ มูลนิธิพิทักษ์ดวงตาลำปาง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดลำปาง และเชียงราย ในโครงการ สถาปัตยกรรมสำหรับความสามารถที่แตกต่าง (Differently Abled Architecture - DAA) โดยตั้งใจปรับปรุงพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการอยู่อาศัยผู้พิการ ผู้ดูแลและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยลงพื้นที่เข้าไปสอบถามและเก็บข้อมูลจากกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องนำไปวิเคราะห์เพื่อนำไปออกแบบสถาปัตยกรรมและบริบทเพื่อประโยชน์ของผู้พิการ
คยสงสัยไหมครับว่าการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือของใช้ทั่วไปนั้นมีความยุ่งยากหรือซับซ้อนเหมือนกับการออกแบบอาคารหลังใหญ่หรือไม่ ผลิตภัณฑ์ชิ้นเล็กอาจมาพร้อมกับความละเอียดในการคิดและการพิถีพิถันในการออกแบบที่มากขึ้น 


คุณสุรเสกข์ ยุทธิวัฒน์ Product Innovator จาก surasekk สถาปนิกผู้รักและหลงใหลในการใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นทุนเดิม ในที่สุดก็มีโอกาสก้าวเข้าสู่วงการออกแบบผลิตภัณฑ์อย่างเต็มตัว ได้เล่าถึงความแตกต่างระหว่างการออกแบบบ้านกับผลิตภัณฑ์เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า

“ผมมองว่าทั้งสองมีความเหมือนในเรื่องของกระบวนการออกแบบเพื่อแก้ปัญหา สิ่งที่ออกมาจึงควรมีแนวทางการแก้ปัญหาที่เหมาะสม ถูกจุดและสวยงาม แต่การออกแบบผลิตภัณฑ์จะมีเป้าประสงค์ที่ชัดเจนและคมกว่าว่าต้องสวยงามและใช้งานได้จริง ในการออกแบบทางสถาปัตยกรรมบางครั้ง สถาปนิกมักให้ความสำคัญกับรูปทรงอาคารมากกว่าการใช้สอยภายใน”






ที่มา : http://www.baanlaesuan.com/house.aspx?articleId=1605

การจัดสวนแนวตั้ง

                           การจัดสวนแนวตั้ง"หากเบื่อการจัดสวนแบบเดิมๆ วันนี้ forfur ชวนมาฝืนแรงดึงดูดของโลกกันค่ะ ด้วยการจัดสวนแนวตั้งช่วยให้บ้านสวยได้ทุกๆพื้นที่แบบไม่เกี่ยงขนาด "

แต่งบ้าน ไอเดียสวนแนวตั้งในบ้าน D.I.Y. สวนแนวตั้ง



พูดถึง สวนแนวตั้ง (Vertical Garden)หลายคนก็คงนึกภาพออก แต่รู้ไหมคะว่าการจัดสวนแบบนี้มีประโยชน์ตั้งหลายอย่าง เช่น ลดความแข็งกระด้างของพื้นผิว ซ่อนสิ่งไม่น่ามองเอาไว้หลังฉากต้นไม้เขียวๆ ช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวและแบ่งพื้นที่ของบ้านเป็นส่วนๆได้อย่างไม่อึดอัด สวนแนวตั้งนั้นมีอากาศไหลเวียนดีมากสำหรับต้นไม้ เราสามารถปลูกต้นไม้ได้มากขึ้นโดยใช้พื้นที่น้อยลงและนั่นหมายถึงผลผลิตที่มากขึ้นด้วยค่ะในกรณีที่คุณปลูกพืชผักกินได้ อีกทั้งยังประหยัดน้ำ ไม่ค่อยมีวัชพืชรบกวน การดูแลรักษาต่ำ โรคและแมลงศัตรูพืชก็น้อย แถมการจัดการก็ง่ายแสนง่ายไม่ต้องก้มให้เมื่อยหลังเมื่อยเอวอย่างแต่ก่อน

นอกจากการจัดสวนแนวตั้งในบ้านแล้ว ออฟฟิศและอาคารสมัยใหม่หลายแห่งต่างพากันจัดสวนแนวตั้งไว้เช่นกัน นอกจากจะสร้างจุดเด่นดึงดูดสายตาแก่ผู้คนที่เดินผ่านไปมาแล้วยังช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่ภายในอาคาร ช่วยลดค่าไฟจากเครื่องปรับอากาศและเป็นที่พักผ่อนของพนักงานได้ด้วย เห็นข้อดีตั้งหลายอย่างแบบนี้ ใครจะลองทำดูที่บ้านก็ไม่ต้องกังวลกับอุปกรณ์แพงๆค่ะ แค่มีแผ่นไม้ รองเท้าบู๊ทเก่าๆ กางเกงยีนส์ หรือกระป๋องนม ก็นำมาทำสวนแนวตั้งได้เหมือนกัน ใครมีไอเดียอย่างไรก็ลองใส่ไว้ในสวนให้เต็มที่ได้เลยค่ะ

และวันนี้เราไม่ลืมที่จะนำสวนแนวตั้งสวยๆใน The Pavilion Downtown Dubai มาฝากค่ะ นอกจากอาคารศูนย์วัฒนธรรมแห่งนี้จะมีสวนสวยๆให้ชมแล้ว ยังมีร้านอาหาร ห้องสมุด และโรงภาพยนตร์ไว้คอยบริการ สวนที่เห็นในภาพเป็นผลงานของ Abboud Malak นักออกแบบผู้กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย เขาได้ก่อตั้ง STUDIO M ขึ้นที่ Dubai International Financial Center โดยรับงานซึ่งเน้นการตกแต่งภายในระดับหรู โดยมีปรัชญาการออกแบบที่ใช่วัสดุหรูหรา โปร่งเบา เน้นช่องว่าง ทำทุกสิ่งให้เรียบง่ายที่สุดโดยให้มีความหรูหรามากที่สุดเท่าที่จะทำได้








เห็นสวนสวยๆแบบนี้แล้วอยากจัดสวนแนวตั้งขึ้นมาบ้างหรือยังค่ะ? แต่สงสัยต้องกลับไปใช้กระป๋องนมเหมือนเคย เพราะถ้าจะทำสวนให้ได้อย่าง STUDIO M ดูแล้วต้นทุนจะไม่พอแน่ๆ มาแข่งกันดีกว่าว่าใครจะใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีอยู่จัดสวนแนวตั้งออกมาได้สวยกว่ากัน จัดสวนเสร็จแล้วก็อย่าลืมส่งภาพมาให้ทีมงานเราดูบ้างนะคะ สวัสดีค่ะ

mori girl

แฟชั่นสาวญี่ปุ่น สไตล์  "โมริเกิร์ล"


Mori Girl Culture แฟชั่นสาวป่าน่ารัก  ก่อนอื่นต้องเตรียมไอเทม Must Have ติดตู้เสื้อผ้ากันไว้เสียก่อน ไอเทมคีย์เวิร์ดของสไตล์นี้ มีอะไรบ้าง?  มาดูกัน ^___^ จากนั้นก็ลงมือแมทช์ชุดเก๋ๆ กันได้เลยจ้า

1. เสื้อผ้านุ่มสบาย ตัวหลวมๆไม่ฟิตเปรี๊ยะ ไม่ว่าจะเป็น แม็กซี่
เดรสตัวโคร่ง คาดิแกนโอเวอร์ไซส์ ทั้งนี้ทุกสิ่งทุกอย่าง ขอให้เน้นวัสดุที่ให้อารมณ์ธรรมชาติ อย่างผ้า
คอตต้อน เสื้อถัก เครื่องประดับที่มีส่วนประกอบของเฟอร์หรือขนสัตว์ต่างๆ 


Mix&Match >> จั๊มสูทผ้าค็อทต้อนสีครีมกับเสื้อกั๊กขนเฟอร์ แมทช์กับรองเท้าบูทแต่งลูกไม้ พร้อมถุงเท้ายาวสีเทานุ่มนิ่ม >//< 


 Mix&Match >>เสื้อยืดลายทางพอดีตัว สวมทับด้วยคาดิแกนสีน้ำเงิน ใส่กับกางเกงผ้าผูกเอวสีโอล์ดโรส ตบเท้าด้วยรองเท้าคัดชูหัวมนและถือกระเป๋าผ้าแต่งลูกไม้ ได้
ลุคสวยสบายๆ


  2.  ไอเทมลวดลายน่ารักประจำตัวสาวโมริ ที่จะขาดไปไม่ได้เลย คือ ?ไอเทมลายดอกไม้? จะเสื้อก็ดี กระโปรงก็ได้ หรือจะเติมลายดอกแบบเบาๆ ตามแอ็กเซสเซอรี่ก็หวานไปอีกแบบนะจ๊ะ


Mix&Match >> เสื้อสีน้ำเงินจับสม็อคแมทช์กับกางเกงสีน้ำตาลลายดอกไม้ พับขาซักนิดแล้วใส่กับรองเท้าผ้าใบ ดูทะมัดทะแมงซะไม่มี แต่ถ้าอยากเพิ่มความหวานแหวนเยี่ยงเลดี้เข้าไปอีก ให้เลือกถือกระเป๋าสานหรือใส่แอ๊กเซส
เซอรี่น่ารักๆ 


Mix&Match >>ใส่เดรสลายดอกไม้ แล้วไม่อยากให้ดูหวานจนเลี่ยน ลองจับคู่กับพวกพ้องแอ็ก
เซสเซอรี่หนังต่างๆ อย่างกระเป๋า รองเท้า หรือเติมสีเอิร์ธโทนเข้าไป จะชอบดรอปความหวานได้ดีนะจ๊ะ


 3.  ?ของที่ประดับประดาด้วยลูกไม้? เป็นอะไรที่ Must Have สุดๆ เพราะนอกจากจะเอามามิกซ์แอนด์แมทช์ได้หลายอารมณ์แล้ว ยังนำมาใส่เพิ่มเลเยอร์ (Layer) ให้กับชุดได้ดีอีกด้วย


 Mix&Match >> เสื้อลูกไม้สีขาวตัวหลวมและคาดิแกนถักแต่งระบาย ใส่พร้อมกับกางเกงผ้าลายจุดสีน้ำเงิน จัดเต็มตามมาด้วยเป้ผ้า หมวกสาน และรองโลเฟอร์หนัง กลายเป็นสาวหวานปนเท่ได้ทันที 


Mix&Match >> ใส่ชุดที่เล่นดีเทลลูกไม้นิดๆ ก็น่ารักไปอีกแบบ อย่างเดรสสีฟ้าอ่อนแต่งลูกไม้ช่วงคอที่จับคู่มากับกระเป๋าผ้าใบย่อมสีขาวและรองเท้าแฟลตฟอร์มสานเก๋ๆ แต่งผมด้วยที่คาดผมโบว์สีดำซักดี เครื่องประดับไม่ต้องเยอะ แค่นี้ก็เกิดแล้วจ้า ^^  


 4.   เมื่อโมริเกิร์ลรักธรรมชาติยิ่งชีพ สีสันที่เหมาะกับสาวป่าผู้น่ารัก คงไม่พ้น ?สีเอิร์ธโทน? ซึ่งสีโทนนี้  จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับทุกลุค นอกจากนี้ยังช่วยดรอปความหวานจากลูกไม้และลายดอกไม้ได้ดีอีกด้วย 


Mix&Match >> สีน้ำตาล สีกากี ต้องมีติดตู้ ขอแนะนำกางเกงพับขาจะขาสั้น ขายาวแล้วแต่จะชอบ เอามามิกซ์กับเสื้อได้หลายแบบทั้งเสื้อเชิ้ต เสื้อยืด และเสื้อน่ารักอีกมากมาย


Mix&Match >> สีแดงเลือดนก เหลืองมัสตาร์ด และเขียวใบไม้ จะช่วยเติมความสดใสให้กับลุคได้ดี และไม่หลุดคอนเซ็ปโมริเกิร์ลด้วยนะอย่างลุคนี้มิกซ์เสื้อผ้าสีอ่อนเข้ากับกระเป๋าสีเขียวใบไม้ ช่วยให้ดูสดใสขึ้นได้อีกเยอะ 


  5.  อะไรที่เป็นวินเทจนั้นเข้ากับสไตล์นี้อย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะ?แอ็กเซสเซอรี่อารมณ์วินเทจ?ทั้งหลาย สาวๆ ที่ชอบสไตล์โมริควรมีติดไว้นะจ๊ะ เพราะจะช่วยเพิ่มสเน่ห์ให้กับชุดได้อย่างมากเลยล่ะ


  5.  อะไรที่เป็นวินเทจนั้นเข้ากับสไตล์นี้อย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะ?แอ็กเซสเซอรี่อารมณ์วินเทจ?ทั้งหลาย สาวๆ ที่ชอบสไตล์โมริควรมีติดไว้นะจ๊ะ เพราะจะช่วยเพิ่มสเน่ห์ให้กับชุดได้อย่างมากเลยล่ะ


 Mix&Match>> สร้อยคอ กำไล หรือ   แหวนทองเหลือง ดีไซน์วินเทจ เป็นอีกสิ่งที่จะช่วยอัพลุคความเป็นสาวโมริได้มาก อย่างชุดนี้แค่เติมสร้อยคอรูปลูกกุญแจที่มาพร้อมกับแหวนแม่กุญแจเข้าไป สาวๆ ก็ดูเก๋ไก๋ขึ้นแล้วล่ะจ้า ^o^


Mix&Match>> สร้อยนาฬิกาพกชิ้นนี้ Must-have มากๆ เพราะเป็นไอเทมสุดวินเทจ 
  6.  นอกจากของเก่า ของโบราณแล้ว ของทำมือ (Handmade) หรือ ของประดิษฐ์เอง (D.I.Y) เป็นไอเทมที่จะช่วยคอมพลีทลุคแบบโมริเกิร์ลได้อย่างดีเยี่ยม สาวๆ ที่ยังไม่ชำนาญการประดิษฐ์ ก็ให้ลองเริ่มฝึกวิทยายุทธจากของชิ้นเล็กๆ ก่อน อย่าง เข็มกลัด แหวน ต่างหู ฯลฯ หรือหากพิจารณาแล้วว่าตัวเองยังไม่เหมาะกับการดีไอวาย


Mix&Match>> เข็มกลัดหรือแหวนที่ประดิษฐ์จากการถักหรือปัก เป็นอะไรที่เหมาะมากกับสาวโมริฝึกหัด แถมยังเอามาแมทช์ให้เข้ากันได้กับหลายชุดมากๆ ที่สำคัญเป็นเพียงชิ้นเดียวหนึ่งเดียวเท่านั้น ไม่โหลด้วยนะจ๊ะ 


7.  มาโฟกัสที่รองเท้ากันบ้าง อย่างที่บอกว่าสาวโมริเกิร์ลนั้นชอบใส่อะไรสบายๆ  รองเท้าส้นเตี้ย จึงตอบโจทย์ที่ซู๊ดดด  ส่วนดีไซน์จะเน้นเป็นรองเท้าหัวมนมากกว่าหัวแหลม ไม่ว่าจะเป็นบูท คัตชู หรือรองเท้าส้นไม้ (Clog)  และถ้าอยากเพิ่มความน่ารัก ลองหาถุงเท้าหรือถุงน่องนิ่มๆ มาสวมดูสิ อาจมีลวดลายหรือมีดีเทลเก๋ๆ ก็ได้ 


 Mix&Match>>  มีรองเท้าเอสปาดริส (espadrille)ติดไว้ซักคู่รับรองได้ใส่(บ่อย)แน่นอน ใครไม่รู้จะเริ่มมิกซ์ยังไง ลองมิกซ์เสื้อแขนยาวกับชุดเอี๊ยมยีนส์ขายาว แล้วเติมสีสันด้วยกระเป๋าและเครื่องประดับสไตล์ชนเผ่า 


 8. กระเป๋าสะพายหนังทรงวินเทจและกระเป๋าโปเซ็ต (pochettes) เป็นอีกชิ้นที่ขอแนะนำว่าต้องมีในครอบครอง ถ้าชอบหวานแหววแบบ Eco-Friendly  จะเป็นถุงผ้า ตระกร้า หรือกระเป๋าสานจากวัสดุธรรมชาติก็ได้เหมือนกัน ซึ่งหากตกแต่งด้วยลูกไม้ ดอกไม้ หรือผ้าพันคอผืนบางยิ่งใช่เลย


Mix&Match>> กระเป๋าหนังใบกระทัดรัดแมทช์กับเสื้อยืดสีเบจและกระโปรงทรงเอสีน้ำเงิน  แล้วสวมทับด้วยคาดิแกนตัวยาวสีน้ำตาล เพอร์เฟ็คสุดๆ 


 9.  ปิดท้ายด้วย ไอเทมสุดฮิตอย่าง ?มงกุฏดอกไม้ (Flower Crown)?  ซึ่งสาวโมริควรหยิบมาใส่ในเวลานี้เป็นอย่างยิ่งเพราะนอกจากจะอัพดีกรีความเก๋แบบสาวป่าแล้ว ยังอินเทรนด์สุดๆ อีกด้วยนะ แถมถ้าใครงบน้อย ก็สามารถประดิษฐ์ใช้เองได้ไม่ยากเลย ^^ 


 Mix&Match>> เสื้อผ้าค็อตต้อนสีขาวตัวหลวมใส่สบายใส่กับกระโปรงผ้าสีน้ำตาล และรองเท้าส้นไม้ ใส่มงกุฏดอกไม้ อีกชิ้น หวานขึ้นมาอีกเยอะเลยที่มา  http://www.dek-d.com/content/nugirl/29166/